สาวก ชินจิ คางาวะ ช่วงชีวิตกับ 2 ยอดกุนซือ คล็อปป์-เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
สาวก “เร้ด อาร์มี่” คงไม่เคยได้เห็นฟอร์มที่สุดยอดของ ชินจิ คางาวะ เพลย์เมกเกอร์รุ่นน้อง เหมือนกับที่แฟนบอล “เสือเหลือง”
สาวก ได้เห็นสมัยที่เขาเล่นให้กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2 ช่วงเวลาซึ่งเขา ประสบความสำเร็จมากมายในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี
สาวก คางาวะ ซึ่งจะอายุครบ 31 ปีในสัปดาห์นี้ เริ่มต้นอาชีพกับ เซเรโซ่ โอซาก้า เมื่อปี 2006 ก่อนที่จะโชว์ฟอร์มเตะตาต้องใจแมวมอง ดอร์ทมุนด์ ก่อนที่เขาจะได้ย้ายไปเล่นให้กับทีมในปี 2010 จากนั้นก็โชว์ผลงานซัดไป 57 ประตูจาก 127 เกม
ในตอนนั้น คางาวะ ย้ายไปเล่นกับ ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัวเพียงแค่ 250,000 ปอนด์ (ราว 9.5 ล้านบาท) แต่สามารถโชว์ฟอร์มได้เกินค่าตัว เมื่อเป็นหนึ่งในแข้งสำคัญที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองเบียร์ 2 ซีซั่นติดต่อกันในยุคที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุมบังเหียน ตามด้วยแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ก่อนที่จะย้ายไปค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
การย้ายไปอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทัพ “ปีศาจแดง” ต้องควักระเป๋าจ่ายเงิน 12 ล้านปอนด์ (ราว 456 ล้านบาท) โดยเขาสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2012/2013 ในยุคที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทัพ แต่ผลงานของเขาไม่ได้โดดเด่นมากนัก เพราะยิงไปแค่ 6 ประตูกับ 4 แอสซิสต์จาก 20 เกมลีก รวมถึงการทำแฮตทริกในแมตชพบ นอริช
อย่างไรก็ตามในฤดูกาลที่สองที่เมืองผู้ดี คางาวะ ไม่ประสบความสำเร็จเลยในยุคของ เดวิด มอยส์ ที่เข้ามารับช่วงต่อจาก “ป๋าเฟอร์กี้” ที่วางมือ โดยเจ้าตัวยิงประตูไม่ได้เลย แต่ทำได้ 4 แอสซิสต์ แถมต้นสังกัดจบซีซั่นในอันดับ 7 พลาดโควตาไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปทุกรายการ
เมื่อหมดอนาคตใน “โรงละครแห่งความฝัน” คางาวะ ตัดสินใจกลับไปลมพัดหวนซบ ดอร์ทมุนดื ด้วยค่าตัวประมาณ 6.5 ล้านปอนด์ (ราว 247 ล้านบาท) ในปี 2014 โดยเขาสร้างผลงานดีมีคุณภาพอีกครั้งตลอดช่วง 4 ซีซั่นต่อมา พร้อมกับสถิติซัดไป 31 ประตูจากทุกรายการ ก่อนการมาถึง ลูเซียง ฟาฟร์ ซึ่งทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป !
ฟาฟร์ เลือกที่จะใช้งาน มาร์โค รอยส์ ในตำแหน่งกองกลางตัวรุก นั่นทำให้ คางาวะ ถูกจำกัดโอกาสในการลงสนาม และส่งผลให้เขาต้องออกเดินทางอีกครั้งโดยย้ายไปเล่นกับ เบซิคตัส แบบยืมตัวซึ่งที่นั่นเขาซัดไป 4 ประตูจากการเล่น 14 แมตช์
คางาวะ ยังไม่หยุดการเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ เมื่อเขาตัดสินใจเซ็นสัญญาไปเล่นให้กับ เรอัล ซาราโกซ่า ทีมในระดับเซกุนด้า ดิวิชั่น หรือ “ดิวิชั่น 2” ลีกสเปน เป็นเวลา 2 ปีเมื่อเดือนสิงหาคม 2019 แต่ก็ต้องยกเลิกสัญญาในเดือนตุลาคม 2020
ดาวเตะเลือดซามูไร ยังคงมองหาความท้าทายในชีวิตพ่อค้าแข้งต่อไปเมื่อเขาย้ายไปเล่นกับ พีเอโอเค สโมสรชั้นนำในซูเปอร์ลีก กรีซ ที่ดินแดนเทพนิยาย ด้วยสัญญา 1 ปีครึ่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาซึ่งกับการเล่นที่นั่นเขาซัดไปแล้ว 1 ประตูจากการ 8 แมตช์ที่ลงสนาม
ต้องยอมรับว่า คางาวะ ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่เก่งฉกาจเหมือนสมัยที่เขาเล่นให้ ดอร์ทมุนด์ อีกเลย โดยหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาทำผลงานได้ดีเยี่ยมกับ “เสือเหลือง” นั่นก็เป็นเพราะว่าการได้ร่วมงานกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งปัจจุบันรั้งตำแหน่งผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
การที่เขาได้ร่วมงานกับยอดกุนซืออย่าง คล็อปป์ และ “ป๋าเฟอร์กี้” ทำให้เขาได้รู้ถึงความสุดยอดของยอดโค้ชทั้งสองคน โดย คางาวะ เปิดใจว่า “ความแตกต่างระหว่าง เจอร์เก้น, เซอร์อเล็กซ์ ในฐานะผู้จัดการทีม แน่นอนว่าทุกๆ คนก็รู้กันอยู่แล้ว เจอร์เก้น ยังเป็นผู้จัดการทีมยังหนุ่มแน่น และเขายังไม่ค่อยได้แชมป์มากนัก ดังนั้นเขาเป็นที่รู้จักกันดีในเยอรมนี แต่เขาไม่ได้เป็นที่รู้จักทั่วโลก”
“แต่ทุกๆ คนรู้จัก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และให้ความเคารพเขาอย่างมาก ดังนั้นผมไม่มีความลังเลที่จะคว้าโอกาสที่จะได้เล่นให้กับเขา ตอนที่ เซอร์อเล็กซ์ ตะโกนใส่ในช่วงพักครึ่ง นักเตะอย่างเวย์น รูนี่ย์, ไรอัน กิ๊กส์ และ พอล สโคลส์ สงบปากสงบคำไม่ต่อล้อต่อเถียงเลย”
“ผมมองว่าเขาเป็นคนที่มีบารมีสูงมาก ผมสังเกตว่าเขามีความต้องการจากบรรดานักเตะที่มีประสบการณ์มากกว่าบรรดานักเตะที่อายุยังน้อยอย่างตัวผม นี่แหละสไตล์การบริหารทีมของเขา ผมเห็นมากับตาตอนที่เขาหน้าแดงกล่ำเวลาที่ตวาด เขาทำแบบนี้ทุกเกม เขาสามารถทำได้เพราะเขาคือเซอร์อเล็กซ์”
“ผมมีความทรงจำมากมายกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งมันยากที่จะเลือกว่าใครเก่งกว่ากัน แต่ถ้าผมต้องพูดเกี่ยวกับเขา เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ให้ความรักกับลูกทีมด้วยความจริงใจ เขามักจะคิดถึงนักเตะเสมอ คอยให้การสนับสนุนเมื่อพวกเขาลงสนาม”
“ดังนั้นในฐานะนักเตะผมสามารถลงสนามโดยที่ไม่มีความกังวลใดๆ เลย ผมรู้สึกมาตลอดว่าไม่มีความกลัวอะไรทั้งนั้นตราบใดที่ผมทำตามที่เขาแนะนำ นั่นคือการเป็นผู้จัดการทีมในแบบที่เขาเป็น” จอมทัพมากประสบการณ์ กล่าว
ย้อนกลับไปฤดูกาลแรกที่เล่นให้ ดอร์ทมุนด์ เขานำทีมคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 9 ปี และยังมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีบุนเดสลีกาด้วย ผลงานของ คางาวะ ถือว่ามีอิทธิพลกับทีมของคล็อปป์อย่างมาก โดยสามารถคว้าแชมป์ด้วยการมีแต้มนำห่าง บาเยิร์น มิวนิค 8 คะแนนเลยทีเดียว
“มันแทบไม่อยากจะเชื่อที่ได้มีประสบการณ์ในการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาในปีแรกที่คุณได้เล่นในยุโรป และจากนั้นก็ทำได้อีกครั้งในปีที่สอง เวลาที่ผมมองย้อนกลับไปตอนที่ร่วมงานกับ คล็อปป์ ผมไม่เคยเจอประสบการณ์ที่ล้มเหลวเลย และผมเต็มไปด้วยความมั่นใจรวมทั้งแรงกระตุ้นเต็มเปี่ยม”
“ผมรู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างมันง่ายไปหมด แน่นอนว่าหลังจากนั้นผมได้เรียนรู้ว่าหลายๆ อย่างในอาชีพของผมมันไม่ง่ายเลย และความมั่นใจของผมก็แตกสลาย เวลาที่มองย้อนกลับไปการได้พบกับ คล็อปป์ และเล่นให้ ดอร์ทมุนด์ มันเป็นประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดสำหรับผม”
ตอนที่ “เซอร์อเล็กซ์” อยากได้ คางาวะ ไปร่วมทีมช่วงซัมเมอร์ปี 2012 มันเป็นข้อเสนอที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลย “ผมอยากจะคุยกับ เฟอร์กูสัน ก่อนที่ผมจะตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม ดังนั้นผมได้พบกับเขาที่โรงแรมในแมนเชสเตอร์ ผมทึ่งกับออร่าและบุคลิกขอเขามากๆ”
“เขาอายุ 70 ปีแล้วในตอนนั้น แต่เขายังมีจินตนาการที่เหนือกว่าผม มันน่าเสียดายที่ผมได้มีโอกาสใช้เวลาร่วมกับเขาแค่ปีเดียวเท่านั้น แต่เขาเป็นผู้จัดการทีมที่สร้างความประทับใจให้กับผมจริงๆ” คางาวะ กล่าวทิ้งท้าย
การได้ผ่านประสบการณ์ร่วมงานกับ 2 กุนซือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ถือเป็นความประทับใจที่ คางาวะ ไม่มีทางลืมเลือนไปชั่วนิรันดร์ !!