แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทวงตำแหน่งรองจ่าฝูงคืนมาจาก เลสเตอร์ ซิตี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทวงตำแหน่งรองจ่าฝูงคืนมาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ได้อีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เฉือน “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา
เกมนี้ “เดอะ แฮมเมอร์ส” ตั้งใจมาเล่นเกมรับมากไปหน่อย เพราะกว่าที่พวกเขาจะรู้ว่าตัวเองสามารถต่อกรกับ “ผีแดง” ได้ก็ต้องโดนเจ้าบ้านทำประตูขึ้นนำไปก่อนในครึ่งหลัง โดยหลังจากนั้น เวสต์แฮม สามารถสร้างความหวาดเสียวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ขาดแค่ความแม่นยำ และความเฉียบคมเท่านั้น
ชัยชนะของ แมนฯ ยูไนเต็ด แม้ไม่ได้ยิงคู่แข่งขาดกระจุยก็ตาม แต่การคว้า 3 คะแนนในเกมนี้ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจก่อนที่จะทำศึกกับ เอซี มิลาน ในเกมยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัด 2 ที่ซาน ซีโร่ (เกมแรก เสมอ 1-1)
1. คู่เซนเตอร์แบ็กทำผลงานได้เหนียวแน่น
ต้องยอมรับว่าการได้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ยืนคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ทำให้แนวรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหนียวแน่นมากยิ่งขึ้นกว่าตอนที่ เอริค ไบยี่ จับคู่กับกัปตันทีม ในเกมที่เสมอ เอซี มิลาน ศึกยูโรปา ลีก หลายเท่า
สำหรับเกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เลือกใช้งาน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ จับคู่กับ เฟร็ด ในแผงกองกลาง และให้ทั้งคู่เน้นการเล่นเกมบุกโดยไม่ต้องห่วงเกมรับมากนัก เพราะ ลินเดอเลิฟ กับ แม็กไกวร์ คอยทำหน้าที่นี้ได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ
ผลงานของทั้งสองคนสมบูรณ์แบบมากๆ ทั้งการสกัดบอลนับครั้งไม่ถ้วนจากจังหวะเปิดทางริมเส้นของเวสต์แฮม รวมไปถึงการเอาชนะในการสู้กับ มิคาอิล อันโตนิโอ กับ โทมัส ซูเช็ค, การดักเก็บกินลูกกลางอากาศ และยังมีจังหวะวิ่งบังทางไม่ให้เกมรุกของ “ขุนค้อน” ได้เล่นสะดวก
ยิ่งไปกว่านั้นในจังหวะที่ “ปีศาจแดง” ได้ประตูชัย แม็กไกวร์ ก็มีส่วนในการกดดัน เคร็ก ดอว์สัน จนทำให้แข้งเวสต์แฮมโหม่งบอลพลาดเข้าประตูตัวเอง แน่นอนว่า แม็กไกวร์ กับ ลินเดอเลิฟ อาจจะไม่ได้เล่นด้วยฟอร์มเพอร์เฟกต์ทุกเกม แต่ในเกมนี้ทั้งสองคนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ โดยเฉพาะเกมรับที่เหนียวแน่นจนทำให้ เวสต์แฮม ไม่มีจังหวะยิงเข้ากรอบแม้แต่ครั้งเดียว
2. แรชฟอร์ด เล่นดีแต่พลาดจังหวะสำคัญบ่อยไปหน่อย
ก่อนเกมสาวก “เร้ด อาร์มี่” ต้องลุ้นกันว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด จะลงเล่นได้หรือไม่ สุดท้ายเขาสามารถผ่านความฟิตได้ลงตัวจริงในเกมนี้ แม้ว่าสภาพร่างกายของนักเตะไม่ได้อยู่ในช่วงที่ฟิตสมบูรณ์แต่ก็สามารถขู่เกมรับของ เวสต์แฮม ได้ตลอด
แรชฟอรด์ ต้องสู้กับปัญหาบาดเจ็บข้อเท้าและหัวไหล่มาตลอด แต่ด้วยความที่เป็นนักเตะความหวังทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจส่งเขาลงเล่นในเกมนี้ และแน่นอนการที่ร่างกายไม่ได้อยู่ในจุดพีค ทำให้เขาโชว์ฟอร์มได้ไม่เต็มร้อย
โดยเฉพาะการพลาดจังหวะทำประตูแบบง่ายๆ เมื่อได้โหม่งโล่งๆ หน้าประตูแต่ดันโหม่งออกหน้าตาเฉย นอกจากนี้ยังมีจังหวะที่โหม่งอีกครั้งแต่ก็โหม่งเบาไปเข้ามือ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ แถมในครึ่งหลังยังมีลูกเกเรเสียบหนับไร้สติจนโดนใบเหลืองด้วย
หากมองในแง่บอก แรชฟอร์ด สามารถสร้างโอกาสในการทำประตูได้พอสมควรในเกมนี้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือสภาพความฟิตของเขาที่ไม่ค่อยเต็มร้อยซึ่งมันอาจจะส่งผลต่อโอกาสในการเล่นแมตช์ต่อไป อย่าลืมว่า “ผีแดง” ยังมีเกมต้องลงแข่งอีกเพียบในช่วง 2-3 เดือนต่อจากนี้ ฉะนั้น โซลชา ควรที่จะถนอนสภาพร่างกายของ “หนูแรช” บ้าง
3. กรีนวู้ดฟอร์มหรูขาดแค่ประตูเท่านั้น
หนึ่งในนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ควรได้รับคำชื่นชมมากๆ ในเกมนี้ก็คือ เมสัน กรีนวู้ด เพราะเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในเกมนี้แต่สิ่งเดียวที่ขาดไปก็คือการมีชื่อบนสกอร์บอร์ดในฐานะคนทำประตูเท่านั้น
กรีนวู้ด ทำประตูล่าสุดในเกมที่เขี่ย ลิเวอร์พูล ตกรอบศึกเอฟเอ คัพ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นแม้นักเตะจะเล่นได้ดีแต่เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายคู่แข่งมากนัก ในแมตช์ดวบกับทัพ “ขุนค้อน” ก็เช่นเดียวกัน
ดาวเตะเลือดผู้ดี มีโอกาสงามๆ 2 ครั้งโดยหนึ่งในจังหวะดังกล่าวเป็นการยิงเต็มข้อล่อเต็มแข้งแต่บอลดันพุ่งไปชนเสาดังสนั่น ส่วนอีกจังหวะก็ซัดเต็มเหนี่ยวแต่โดน ลูคัส ฟาเบียนสกี้ พุ่งปัดก่อนบอลไปชนเสาออกหลัง
เกมนี้ กรีนวู้ด พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นหนึ่งในนักเตะตัวรุกที่ดีที่สุดของ “ปีศาจแดง” ไม่ว่าจะเป็นการลากเลื้อยทางริมเส้น การดวลตัวต่อตัวกับกองหลังเวสต์แฮม เจ้าตัวทำได้ดีเยี่ยม แต่มีแค่สิ่งเดียวที่เขาทำไม่ได้ก็คือยิงประตูเท่านั้น
4. บรูโน่บุรุษที่แมนยูขาดไม่ได้
สำหรับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทีมสามารถขาดผู้เล่นคนไหนก็ได้แต่ห้ามขาด บรูโน่ แฟร์นันด์ส เด็ดขาด เพราะต่อให้เจ้าตัวมีสภาพร่างกายที่ไม่ฟิตเต็มร้อย แต่หากสามารถลงเล่นได้ “น้าลูกอม” จะเข็นนักเตะลงสนามแน่นอน
อย่างไรก็ตามแมตช์นี้ บรูโน่ สวมบทเพลย์เมกเกอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อคอยทำหน้าที่เชื่อมเกมตลอดเวลา โดยเฉพาะการสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้หลายๆ ครั้งอย่างในจังหวะที่ กรีนวู้ด ได้ซัดไปติดเซฟ ฟาเบียนสกี้ เป็นต้น
จอมทัพทีมชาติโปรตุเกส แสดงให้เห็นถึงทักษะ และความสามารถเฉพาะตัวที่โดดเด่นมากๆ และยังรับหน้าที่จัดการลูกฟรีคิกกับเตะมุมตลอด โดยประตูชัยของ แมนฯ ยูฯ ก็ได้มาจากการเตะมุมที่เฉียบคมของเขาด้วย
นอกจากนี้ บรูโน่ ยังเกือบใส่ชื่อตัวเองเป็นผู้ทำประตูในช่วงครึ่งหลัง เมื่อนักเตะตะบันนอกกรอบบอลพุ่งตกพื้นแต่ยังไปติดปลายมือ ฟาเบียนสกี้ ขณะเดียวกันเขายังประสานงานได้ดีเยี่ยมกับ แรชฟอร์ด และกรีนวู้ด ทำให้แนวรุกของ “ผีแดง” อันตรายมากยิ่งขึ้น
น่าเสียดายที่เกมนี้กองหน้าของ แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดความเฉียบคม ไม่อย่างนั้นแมตช์นี้คงได้เห็นสถิติแอสซิสต์ของเพลย์เมกเกอร์เลือดฝอยทองเป็นกระบุงโกยแน่นอน
5. โซลชา เมินเฉยการเปลี่ยนตัว
การตัดสินใจ ไม่ยอมเปลี่ยนตัวในเกมนี้อาจจะส่งผลร้ายกับแมนฯ ยูไนเต็ด ในอนาคต เนื่องจากทีมมีโปรแกรมแน่นเอี๊ยด และการปล่อยให้ผู้เล่นบางคนที่มีสภาพร่างกายเริ่มอ่อนล้าฝืนเล่นจนครบ 90 นาที ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆ
มีหลายจังหวะที่ แรชฟอร์ด กับ บรูโน่ โดนเข้าหนัก จนแสดงมี อาการบาดเจ็บ แต่ โซลชา เลือกที่จะปล่อยให้ทั้งคู่เล่นต่อไป อย่างไรก็ตาม “น้าลูกอม” คงมีเหตุผลที่จำเป็นต้องทำแบบนี้เนื่องจากทีมไม่ผู้เล่นจำกัดในแนวรุก ทำให้ต้องฝืนใช้งานนักเตะจนกระทั่งสิ้นเสียงนกหวีดยาวของกรรมการ
แน่นอน ว่าการทำแบบนี้ อาจจะไม่ค่อยดีนัก เพราะหากผู้เล่น ตัวหลักต้องอยู่ใน ลิสต์รายชื่อ แข้งบาดเจ็บเช่นเดียวกับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, เอดินสัน คาวานี่ และ ปอล ป็อกบา ย่อมส่งผลเสียหายมหาศาลในการลุ้นความสำเร็จในเกมยูโรปา ลีก และ เอฟเอ คัพ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทวงตำแหน่งรองจ่าฝูงคืนมาจาก เลสเตอร์ ซิตี้