โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ รักแท้ที่มีต่อสโมสรแห่งนี้ ไปได้ไกลเหนือกว่าทุกๆ
โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากสโมสรฟุตบอลอื่นๆ และทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นั่นก็คือแฟนบอลของพวกเขาเอง สนามซิกนัล อิดูนา พาร์ค จะอัดแน่นไปด้วยเสียงเชียร์ทุกนัด
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สร้างสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมา เกมรุกแบบเปิดหน้าลุยที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ และความลำบากใจให้บรรดายักษ์ใหญ่ในยุโรป จนทำให้มีแฟนบอลติดตามเพิ่มขึ้นมากมายจากทั่วโลก
เพื่อข่มขวัญให้คู่แข่งหวั่นไหว ขณะเดียวกัน ก็มีหลายต่อหลายแต้มที่ได้มาเพราะแรงหนุนจากแฟนบอลที่คอยส่งเสียงเชียร์ให้ทีมพลิกเกมกลับมาชนะได้บ่อยครั้ง
โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาล 2011-12 เกมบุนเดสลีกาที่พบสตุ๊ตการ์ต ทีมเจ้าบ้านขึ้นนำไปก่อนถึง 2-0
ใครๆ ก็คิดว่า เกมนั้น ดอร์ทมุนด์ น่า จะ ชนะได้ แบบ สบายๆ แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาต้อง เป็น ฝ่ายตามหลัง เมื่อ เหลือ 11 นาทีก่อนหมดเวลาการแข่งขัน
“ตอนที่เราตามหลัง 3-2 แฟนบอลคลั่งกันมาก – ในทางที่ดีนะ พวกเขาไม่เงียบเลย เราตามหลัง 3-2 และ พวกเขา ก็ เริ่มหนุนหลังเรา เรายิงชนเสา ได้ยิงอีกลูก แล้วก็ตามด้วยลูกเตะ มุม ทั้ง สนาม สั่น อยู่ราวๆ 10-15 นาทีเลย” มัตส์ ฮุมเมลส์ เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
และเป็นฮุมเมลส์ ที่เป็นคนยิงประตูตีเสมอได้ในนาทีที่ 82 ซึ่งทำให้กำแพงเหลือง กองเชียร์จากอัฒจันทร์ฝั่งยืนซึ่งจุแฟนบอลกว่า 25000 รายส่งเสียงเชียร์อย่างกึกก้องเพื่อให้พวกเขายิงให้ได้อีกประตู
“การฉลองหลังจากที่เรายิงประตูที่สี่เป็นอะไรที่ผมไม่มีวันลืมได้เลย อิวาน เปริซิช ยิงได้จากลูกเตะมุม มันคือช่วงเวลาที่ไม่ได้เกิดขึ้นที่สนามใดก็ได้ มันคือช่วงเวลาที่จะอยู่กับคุณไปตลอดกาล และผมก็รู้สึกขนลุกทุกครั้งที่คิดหรือพูดถึงมัน”
เดเด้ เป็นนักเตะอีกรายที่รักดอร์ทมุนด์เหมือนบ้าน แม้ว่าเขาจะเป็นชาวบราซิล แต่เขาก็อยู่กับสโมสรมาตั้งแต่ปี 1998 และค้าแข้งกับทีมเสือเหลืองมาตลอด 13 ปี จนกระทั่งอาการบาดเจ็บที่เอ็นเข่าปิดฉากชีวิตค้าแข้งของเขา
เดเด้ – ผมไม่เคยเจอนักเตะแบบนั้นเลย! มันสุดยอดมากที่ได้เห็นว่าเขาดีขนาดไหน เหลือเชื่อไปเลย! ผมไม่รู้ว่าเราจะสร้างเกมของเราได้อย่างไร ตอนที่เขาไม่ได้อยู่ในสนาม ในตอนแรก เราก็แค่จ่ายบอลให้เดเด้ แล้วเขาตัดสินใจอย่างถูกต้องสัก 6-7 ครั้ง
แล้วเราก็มาอยู่หน้าปากประตูของคู่แข่งแล้ว นั่นคือไอเดียทั่วๆ ไป แล้วแผนนั้นก็พังทลายลง ตอนที่เขาเจ็บเอ็นเข่าในเกมเจอเลเวอร์คูเซน ตอนนัดที่ 1 หรือ 2 มันคือหายนะของแท้เลยล่ะ” เยอร์เกน คล็อปป์ อดีตกุนซือดอร์ทมุนด์ ผู้พาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2011-12 เล่าถึงนักเตะรายนี้
หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่สโมสรมานานกว่าทศวรรษ แบ็คซ้ายรายนี้เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแล้ว ตอนที่สโมสรมีแต้มเหนือโซนตกชั้นเพียง 1 แต้ม ในฤดูกาล 2006-07 และในฤดูกาลถัดมา พวกเขาก็จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 13 แต่แฟนบอลก็ยังหนุนหลังทีมอยู่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“เรามักจะแพ้ในบ้าน แต่สนามก็ยังเต็มตลอด” เดเด้เล่าถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้น “ในบราซิล คุณแทบจะออกจากสนามไม่ได้เลย ถ้าหากว่าคุณทำผลงานแบบนั้น ผมก็เลยบอกกับทิงก้าว่า สโมสรกำลังทำผลงานได้แย่มาก แต่ทุกๆ คนก็พยายามทำในส่วนของตัวเอง เพื่อให้มันฟื้นกลับมา
“แฟนๆ พยายามส่งเสียงเชียร์บนอัฒจันทร์ พวกนักเตะก็ทุ่มเททุกอย่างในสนาม ส่วนสต๊าฟฟ์ดอร์ทมุนด์ก็ทำหน้าที่ของตัวเอง แล้วเราก็ตั้งต้นใหม่ได้ ลองดูสิว่าทุกวันนี้สโมสรอยู่ตรงไหน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ดอร์ทมุนด์พิเศษกว่าใครๆ ผมเล่นที่นี่มา 13 ปี บางคนก็แค่อยากมาที่ดอร์ทมุนด์ เพื่อสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้”
การเข้ามาของเยอร์เกน คล็อปป์ คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สโมสรก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จ ในช่วงเวลาที่เขาคุมทีม
โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ไม่เพียงสโมสรจะได้แชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัย และได้เข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 1 ครั้ง
แต่กุนซือชาวเยอรมันยังได้ปลูกฝังความเชื่อว่าพวกเขาคือทีมที่มีศักยภาพพอจะแย่งชิงความสำเร็จจากบาเยิร์น มิวนิค ได้อีกด้วย
“ในวันที่ซ้อมเปิด เราจะนั่งอยู่ในสนาม คอยแจกลายเซ็น และอะไรทำนองนั้น…ยิ่งผ่านไปในแต่ละปี เราก็จะยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมาก เพราะคุณจะเห็นได้ในสายตาของแฟนบอล ว่าสโมสรนี้มีความหมายต่อพวกเขามากแค่ไหน และผมคิดว่ามันคือสิ่งที่สำคัญมากๆ” คล็อปป์กล่าว
“ถ้า มา ริโอกับนูริ ยัง อยู่ แล้วเรา ก็ ยัง มี อิลกาย แล้วก็ถ้าเลวียังอยู่ต่ออีก รักแท้ก็อาจ จะ ครอง ความ ยิ่งใหญ่ได้เลย มัน คือ ทีม ที่ ยอดเยี่ยม จริงๆ ทุกคนในทีมต่างก็รักสโมสร แห่ง นี้ แบบ หมด หัวใจ มันคง จะ มี อะไร สักอย่าง เกี่ยวกับ บรรยากาศ ใน สนาม”
ดาริโอ สคูเดรี คือ อดีตนักเตะที่ต้องยุติชีวิตค้าแข้งก่อนวัยอันควร หลังจากที่เขามีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรงตอนที่เล่นให้ดอร์ทมุนด์ในเกมยูธลีกที่พบลีเกีย วอร์ซอว์ และทุกอย่างก็แย่ลงตอนอยู่ที่สนามบินจนเขาต้องเข้ารับการผ่าตัด
“ผมนอนอยู่ตรงหน้านางพยาบาล เธอบอกผมว่า คุณสคูเดรี ฉันให้สัญญาไม่ได้ว่าคุณจะตื่นขึ้นมาแล้วยังมีขาอยู่ โอกาสมันประมาณ 50-50 เราต้องดูว่าอะไรหัก และเกิดอะไรขึ้นระหว่างอยู่บนเครื่องบิน” สคูเดรีเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
“ตอนที่ผมตื่นขึ้นมา ผมเห็นผ้าห่มของผมเต็มไปด้วยเลือด ผมดึงผ้าห่มขึ้นในทันที และตอนที่ผมเห็นว่าขาของผมยังอยู่ ก็ไม่มีอะไรสำคัญสำหรับผมอีกแล้วในตอนนั้น”
สโมสรให้การสนับสนุนเขาเป็นอย่างดีตลอดช่วงเวลาที่ยากลำบาก เอ็ดวิน บูแคมป์ หัวหน้าฝ่ายกีฬาของอคาเดมี และลาร์ส ริคเคน ผู้ประสานงานเยาวชน เข้ามาเช็คอาการของเขาอยู่บ่อยๆ พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน
สคูเดรีได้รับสัญญา 3 ปี ในระหว่างที่ยังรักษาอาการบาดเจ็บ เพื่อให้เขาไม่ต้องกังวลกับเรื่องอนาคตของตัวเอง และในปัจจุบัน เขาก็ทำงานเป็นโค้ชเยาวชนอยู่ในอคาเดมีของดอร์ทมุนด์
“มันคืองานในฝัน ประมาณ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน ขึ้นอยู่กับว่าผม จะ ทำงาน นาน แค่ไหน คุณก็แค่ต้อง โฟกัส กับ ฟุตบอล อย่างเดียว เท่านั้น เรื่อง แผน การเล่น การเตรียมตัว ฝึกซ้อม ผมยังต้องคุย กับ พวก นักเตะ และ ส่งต่อ ประสบการณ์ ที่ ผมมีในฐานะ นักเตะ ภายใต้ การ คุมทีม ของ ทูเคิล และ ฮันส์ วูล์ฟ” สคูเดรีกล่าวพร้อม รอยยิ้ม บน ใบหน้า
Echte Liebe (รักแท้) เป็นเรื่องที่ปราศจากเงื่อนไข ความรักจากแฟนบอลเป็นเรื่องที่ปราศจากเงื่อนไข ความรักของนักเตะที่มีต่อตราสโมสรบนอกเสื้อก็ปราศจากเงื่อนไข รวมถึงความรักของสโมสรที่มีต่อนักเตะและสต๊าฟฟ์ก็เป็นเช่นเดียวกัน
จะมีความรู้สึกใดที่จะฉุดสโมสรจากความตกต่ำสู่ยุครุ่งเรืองได้ดีไปกว่าความรู้สึกนี้ได้อีก?