บี้-วรวิญ กำธรกิตติกุล นักเทนนิสรุ่นใหม่ หัวใจอินเตอร์ฯ

“บี้” วรวิญ กำธรกิตติกุล หนุ่มหล่อรุ่นใหม่วัย 25ปี ที่นอกจากจะทุ่มเทกับเรื่องกีฬาจนเป็นถึงนักเทนนิสระดับสากลแล้ว ปัจจุบันยังใฝ่รู้ใฝ่เรียนด้วยการเป็นนักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรนานาชาติ การจัดการมหาบัณฑิต สาขานวัตกรรมธุรกิจ สถาบันที่ปรึกษาด้านการจัดการความรู้และนวัตกรรม (IKI-SEA) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ด้วย
เราไปคุยกับ บี้-วรวิญ เพิ่ม เติม ดี กว่า ว่า ทำไม นัก กีฬา อย่าง เขา ถึง เลือก เรียน ด้าน ความคิดสร้างสรรค์ อย่าง สาขาน วัตกรรมธุรกิจ เพราะ ดู ไม่ค่อย จะ ไป ด้วย กัน เท่าไร รวม ทั้ง ไ ปทำความรู้จักมุมอื่นๆ ที่น่าสนใจของเขาด้วย
เริ่มเล่น เทนนิสตั้งแต่อายุเท่าไร ?
– ผม เริ่ม เล่น เทนนิส ตั้งแต่ อายุ 7ขวบ เพราะ มี สนาม เทนนิส ตรง ข้ามโรงเรียน จึงเล่นเป็นกิจกรรม หลัง เลิก เรียน ระหว่าง รอ คุณแม่ เลิกงาน แล้ว มา รับกลับบ้าน
อะไรคือ แรง บันดาล ใจ ให้ เล่น กีฬา จน กลาย เป็น นักเทนนิส มืออาชีพ ?
– แรงบันดาลใจ ที่ สำคัญ คือ ผมเล่น กีฬา แล้ว รู้สึกสนุก รู้สึกตื่นเต้น ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ผสมกับการที่มีนักเทนนิสระดับโลกจากประเทศไทยอย่างภราดร ศรีชาพันธุ์ ยิ่งทำให้มีความฝันอยากจะเป็นที่รัก ที่ชื่นชมของคนไทย และได้ทำอะไรสักอย่างเพื่อประเทศชาติ
ทราบว่าเกือบจะได้เป็นนักกีฬาทีมชาติ แต่ได้ทุนไปศึกษาต่อสหรัฐอเมริกา สาขาการเงิน (Finance) ที่ University of San Francisco แล้วทำไมถึงเบนสายกลับมาศึกษาต่อในเมืองไทยอีกครั้ง ด้วยการเลือกรับทุน ป.โท หลักสูตรนานาชาติที่ IKI SEA การจัดการมหาบัณฑิต สาขานวัตกรรมธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ?
– ด้วยความที่ผมโตมาโดยเรียนหนังสือและเล่นกีฬาไปด้วยในเวลาเดียวกัน การเป็น student-athlete ถือว่าเป็นเรื่องที่เคยชินที่ทำมาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่เรียนจบปริญญาตรี เลยใช้เวลาฝึกซ้อมเทนนิสและออกแข่งระดับนานาชาติเป็นเวลาปีครึ่ง หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่จะกลับมาสู่รูปแบบการเป็น student-athlete อีกครั้ง จึงหาทุนเรียนต่อในประเทศไทย
ได้ข่าวว่า เป็นหลักสูตรนานาชาติด้วย ?
– โดยส่วนตัวนั้นคิดว่าตัวผมเองเหมาะกับหลักสูตรนานาชาติมากกว่า เนื่องจากที่ได้เรียนมัธยมปลายและปริญญาตรีจากอเมริกามา ผมเลยคิดว่าการลงเรียนหลักสูตรนานาชาติจะเป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคย และไม่ต้องปรับตัวมากเหมือนกับการเรียนในภาคไทย
แล้วแบ่งเวลาระหว่างการเรียนและการซ้อมกีฬาอย่างไร ?
– ขึ้นอยู่กับว่าขณะนั้นอะไรสำคัญมากกว่ากัน การจัดเวลาเป็น short-term กับ long-term นั้นสำคัญ สมมติว่ามีการแข่งขันที่สำคัญมากอย่างเช่นการคัดทีมชาติ ผมก็จะทุ่มเทความสนใจไปให้การซ้อมกีฬา ในทางกลับกัน ถ้าขณะนั้นการเรียนมีโปรเจ็กต์สำคัญที่จะต้องทำ ก็ต้องให้ความสนใจในการเรียนมากกว่ากีฬา แต่ท้ายที่สุดแล้วถ้าทั้งสองมีความสำคัญมากพอๆ กัน ผมก็ต้องยอมสละเวลาส่วนตัวเพื่อทำให้เต็มที่ที่สุดทั้งด้านการเรียนและการศึกษา
คิดอย่างไรกับที่มักมีคนพูดว่า นักกีฬาส่วนใหญ่เรียนไม่ค่อยจบหรือเอาดีด้านการเรียนไม่ได้ ?
– โดยส่วนตัวผมคิดว่านักกีฬาส่วนใหญ่ไม่ได้มองการณ์ไกลถึงอนาคตหลังจากการเป็นนักกีฬา อย่างไรก็ตามผมไม่คิดว่าเป็นความผิดของนักกีฬา แต่เป็นความบกพร่องของ culture และสังคมภายในวงการกีฬาที่ทำให้นักกีฬาส่วนใหญ่มุ่นมั่นที่จะทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ในความเป็นจริงแล้วควรจะมีคนคอยช่วยบ่มความคิดนักกีฬาให้มองการณ์ไกลและมีความฝักใฝ่ในด้านการเรียนด้วย เพื่ออนาคตของตัวเองหลังจบ athletic career
student-athlete ในสหรัฐอเมริกาแตกต่างจากในเมืองไทยอย่างไรบ้าง ?
– มหาวิทยาลัยในอเมริกาให้ความสนใจกับการกีฬา และให้ลำดับความสำคัญกับ student-athlete ก่อนนักเรียนทั่วไป ทางมหาวิทยาลัยจึงให้ student-athlete ทำหน้าที่ของตนให้สุดความสามารถ เพื่อสร้างชื่อเสียงมหาวิทยาลัยให้ดีเด่น ดังนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วอาจารย์แต่ละท่านจะพยายามเข้าใจและให้การสนับสนุนมากเท่าที่จะทำได้
วางอนาคตตัวเองไว้อย่างไรและมีแผนทำอะไรต่อ ?
– ถ้าอนาคตระยะยาวตัวผมเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แต่แผนระยะสั้นคือการรับทุนกีฬาและการศึกษาปริญญาโทต่อในสาขา Banking and Finance ที่ University of Nottingham อาจจะรับทุนศึกษาต่อปริญญาเอก สาขา Sport Management ที่นั่น เพราะว่าผมก็ได้ฝึกเรื่องการวิจัยหาจุดอ่อนในการสร้างสรรค์ภาคธุรกิจมาแล้วหนึ่งใบ ผมมองว่าการวิจัยสามารถเอาไปใช้พัฒนาวงการกีฬาไทยให้เป็นระดับโลกได้ไม่ยาก และทำให้คนไทยกล้ายืดอกได้ในเวทีต่างประเทศ
อ่านเพิ่มเติม https://www.ufagoodvip.com/
สมัครสมาชิก https://member.ufagood.com/register?s=vip
บี้-วรวิญ กำธรกิตติกุล นักเทนนิสรุ่นใหม่ หัวใจอินเตอร์ฯ