เกมรับที่กำลังพาไปสู่บังลังก์แชมป์
“เกมรุกที่ดีจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับที่ดีจะทำให้คุณเป็นแชมป์”
วลีนี้ยังคงถูกนำกลับมาใช้อยู่เสมอ เมื่อพูดถึงทีมที่มีเกมรับอันยอดเยี่ยม เสียประตูยาก มีกองหลังที่เปรียบเสมือนกำแพงเหล็ก ยากนักที่จะเจาะเข้าไปทำประตู รวมไปถึงการมีนายทวารมือดีคอยเป็นกองหนุน ด่านสุดท้ายที่ทำให้แผงกองหลังไว้ใจ และมั่นใจในศักยภาพ
สิ่งที่ได้สาธยายไปทั้งหมด เหมือนกับถูกมัดรวมไว้อยู่ในทัพ บีจี ปทุมฯ ในฤดูกาลนี้ทั้งหมดเลยก็ว่าได้
เพราะถ้าลองไล่เรียงชื่อแต่ละคน รวมไปถึงผลงานในสนาม มันแสดงให้เห็นแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นทีมที่เสียประตูในเกมลีก น้อยที่สุดเพียง 9 ประตู จากการลงสนาม 19 นัด และนายด่านของทีมอย่าง ฉัตรชัย บุตรพรม จะเก็บคลีนชีตนำโด่งมาผู้เดียวถึง 11 เกม
มองไปที่แผนการเล่นของทัพ บีจี ปทุมฯ พวกเขาเลือกใช้ระบบแบบแผนปราการหลัง 3 คน ซึ่งถ้านับเฉพาะตัวจริง ตัวหลักที่ “โค้ชโอ่ง” เลือกใช้ล้วนแล้วแต่เป็นแข้ง ต่างชาติทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น อิรฟาน ฟานดี้ (สิงคโปร์), อันเดรส ตูเญซ (เวเนซุเอล่า) และ วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ (บราซิล)
แน่นอนเพียงมองจากรายชื่อ 2 รายหลังขึ้นหิ้งเป็นแนวรับเบอร์ต้น ของเวทีไทยลีกไปแล้วทั้งแข็งแกร่ง และดุดัน ส่วนในรายของ ฟานดี้ คือเด็กหนุ่มที่เพียบพร้อม สำหรับการพัฒนาฝีเท้า และกำลังอยู่ในช่วงวัยกลัดมัน กล้าเล่น และกล้าโชว์ศักยภาพ ออกมาได้เป็นอย่างดี
แม้แต่ในวันที่ขาดคนใดคนหนึ่งไปอย่าง อิรฟาน ฟานดี้ ซึ่งตอนแรกเชื่อว่าหลายคน คงเกิดคำถามว่าแนวรับของพวกเขาจะยังคงแข็งแกร่ง เหมือนเดิมไหม เพราะผู้ที่เข้ามาแทนที่ ช่วงแรกเป็นของ ปิยะชนก ดาฤทธิ์ ก่อนที่จะมาเป็นแข้ง สารพัดประโยชน์อย่าง ชาตรี ฉิมทะเล ที่ถูกถอยมาเล่นเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์ฮาร์ฟแก้ขัดของทีม
ซึ่งช่วงแรกก็มีปัญหา มาให้เห็นอยู่เหมือนกัน เพราะหลายทีมต่างจ้องเล่นงานตรงจุดอ่อนที่ ฟานดี้ ได้เจ็บไป ด้วยการใช้ลูกเปิด ลูกครอสเปิดเข้าไป เนื่องจากพื้นที่ตรงนั้นไม่ได้มียักษ์ 2 ตน ยืนคอยขัดขวาง ซึ่งมันก็ดูค่อนข้างที่จะได้ผล แต่มันก็แค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น
เพราะหลังจากนั้นหลังบ้าน ที่เคยเป็นปัญหา นักเตะก็ค่อยๆ ปรับจูนจังหวะ กันใหม่จนกระทั่งทุกอย่างมันคงตัว รอคอยวันที่ ฟานดี้ กลับมา ทุกอย่างก็สามารถผ่านมันได้ดี แบบที่ไร้ซึ่งความผิดพลาด
ส่วนอีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ฉัตรชัย บุตรพรม ปราการด่านสุดท้ายที่ไว้ใจได้แบบสุดๆ โดย “เจ้าบอย” มีฝันร้ายตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายมาอยู่กับทีม เพราะต้องร่วงตกชั้น ไปเล่นในศึกไทยลีก 2 แต่ทว่าเขาก็ยังคงอยู่กับทีมต่อไป และพาทีมกลับมายังลีกสูงสุดได้อีกครั้ง
ซึ่งการทำงานร่วมกับ 3 แนวรับต่างชาติดูจะไม่ใช่ปัญหาของเจ้าตัวสักเท่าไหร่ แถมยังเป็นการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันได้อยู่เสมอ ถ้าจังหวะไหนไม่เกินกำลั งของเขาจริงๆ ยังไงเสียก็กินนายด่านผู้นี้ยากหน่อย รวมไปถึงช็อตเซฟแบบเหลือเชื่อ
ยกตัวอย่างนัดล่าสุด ที่ทีมบุกไปเฉือนชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มีจังหวะเซฟท้ายเกมแบบคาดไม่ถึง รวมไปถึงจังหวะอ่านเกม ออกมาตัดบอล ก็ยังไงไว้ใจได้อยู่เสมอ จนกลายเป็นตัวสำคัญที่ทั้งเจ้าตัวเก็บคลีนชีตได้จากทีมใหญ่ และพาต้นสังกัดเก็บ คะแนนออกจากถิ่น ช้าง อารีน่า ได้สำเร็จ
นี่แหละคือจิ๊กซอว์ส่วนสำคัญ ที่พาทีมก้าวไปข้างหน้า การมีนายทวารด่านสุดท้ายที่สามารถช่วยแบ่งเบาทีม ไม่สร้างข้อผิดพลาดง่ายๆ มันเลยทำให้ทุกอย่าง ดูรายเรียบไปเสียหมด ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในช่วงหลัง ทีมฟุตบอลจะหันมาใส่ใจ กับตำแหน่งนายทวารให้มากขึ้น เพราะมันสามารถเป็นตัวชี้ขาดผลการแข่งขันได้เหมือนกัน
นอกจากนั้นสิ่งที่กล่าวมา ทั้งหมดในเรื่องของการเฝ้าหลังบ้าน ไม่ให้ทีมโดนเจาะตาข่ายแล้ว มากไปกว่านั้นคือออฟชั่นการเติมขึ้นไปทำประตู นี่แหละคือจุดที่ บีจี ปทุมฯ มีเหนือกว่าทีมอื่นๆ ร่วมลีก
วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ กับการกระหน่ำไปแล้ว 11 ประตูในเกมลีก ขึ้นเป็นรองดาวซัลโวของลีกในตอนนี้ มันคือเครื่องยืนยันอย่างแท้จริง ว่านี่คือประโยชน์ที่มีอยู่ในตัวเขาแบบ 2 อิน 1 รับก็แกร่ง รุกก็เฉียบ
ไม่เว้นแม้แต่ อันเดรส ตูเญซ ที่หลายครั้งเติมขึ้น มาเล่นลูกตั้งเตะ และโขกบอลเข้าไปตุงตาข่ายอยู่หลายครั้ง เพราะด้วยส่วนสูงของเขา มันเลยเป็นเป้าหมายแรกๆ อยู่เสมอ
สุดท้ายมันคงไม่แปลก ส่วนสำคัญพื้นฐานของ บีจี ปทุมฯ คือการสร้างความแข็งแกร่งมาตั้งแต่เกมรับ ก่อนที่จะต่อยอดไปจนถึงเกมรุก
ซึ่งมันเป็นอีกครั้งที่ สามารถพิสูจน์ให้เห็น ได้แบบประจักษ์แจ่มแจ้งเลยว่า ถ้าเกมรับคุณดี เสียประตูยาก ยังไงคุณก็มี 1 คะแนนในมือ แต่ถ้ามันสามารถบวกกับ เกมรุกของคุณเฉียบ ขาดยิงประตูได้อีก ความสำเร็จที่อยู่ตรงหน้ามันคงไม่ไปไหนไกล
เกมรับที่กำลังพาไปสู่บังลังก์แชมป์