4 เหตุผล ที่ส่งให้ “แข้งเทพ” คัมแบ็คคืนฟอร์มแกร่ง

4 เหตุผล ที่ส่งให้ “แข้งเทพ” คัมแบ็คคืนฟอร์มแกร่ง

 

4 เหตุผล ที่ส่งให้ “แข้งเทพ” คัมแบ็คคืนฟอร์มแกร่ง

 

กลายเป็นกุนซือที่ถูกตั้งคำถามมากเหลือเกิน หลังการเปลี่ยนแปลงของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด สำหรับ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ที่เข้ามาคุมทัพ “แข้งเทพ” ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา

เนื่องจาก 5 เกมแรกในศึกไทยลีกของอดีตเพลย์เมกเกอร์ระดับตำนานทีมชาติไทย กับการคุมทัพ “บียู” นี้ ต้องพบกับความพ่ายแพ้ถึง 2 เกม เสมออีก 2 นัด และชนะแค่ 1 เกมเท่านั้น

ซึ่งการพ่ายแพ้ ระยอง เอฟซี ทีมบ๊วยของตาราง 0-1 นอกจากการแพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-2 กับการเปิดบ้านทำได้แค่เสมอกับ โปลิศ เทโร เอฟซี 1-1 เป็นสองเกมที่แทบจะถูกวัดจากเหล่าแฟนบอลว่า “โค้ชแบน อาจจะไม่เหมาะกับ บียู” ก็เป็นได้

แต่หลังจากที่ฟุตบอลได้หยุดพักไปประมาณ 1 เดือน เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ระลอกที่สอง “พลพรรคแข้งเทพ” กลับมาอีกครั้ง แบบคืนฟอร์มดีกรีทีมระดับบิ๊กของลีก โดย 4 เกมหลังจากที่กลับมาเตะ พวกเขาชนะถึง 3 นัด และเสมอเพียงนัดเดียวเท่านั้น

ไล่ตั้งแต่ บุกชนะ อุดร ยูไนเต็ด 2-0 ในศึก ช้าง เอฟเอคัพ 2020-21 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทำให้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปลุ้นแชมป์สมัยแรกได้ ส่วนในไทยลีก พวกเขาลงสนามไปแล้ว 3 เกมในปีนี้ กับสามทีมแข็งแกร่งของลีกทั้งสิ้น แต่ก็เก็บได้ถึง 7 แต้ม

เริ่มจาก เปิดบ้านถล่ม สมุทรปราการ ซิตี้ 3-0 ตามด้วยบุกเสมอ “แชมป์เก่า” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 1-1 และล่าสุด เชือดนิ่ม “ราชันมังกร” ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 2-1

อะไรคือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “แข้งเทพ” คัมแบ็คคืนสู่ฟอร์มที่พวกเขาควรจะเป็นได้แบบนี้
ลองติดตามกันในบทความนี้ 4 เหตุผลที่ส่งให้ “แข้งเทพ” คัมแบ็คคืนฟอร์มแข็งแกร่งอีกครั้ง

ใช้เวลา 1 เดือนสุดคุ้มค่า

ยี่ห้อระดับ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน เป็นที่ทราบกันดีว่า เขาคือเฮ้ดโค้ชที่ทำงานหนัก เคร่งขรึม และละเอียดอย่างมากในการทำงาน ฉะนั้น การจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆ ภายในเวลาชั่วข้ามคืน คงเป็นเรื่องยาก

มันต้องใช้เวลาที่จะใส่ปรัชญาการทำทีมลงไปในตัวนักเตะ และต้องยอมรับว่า เวลา 1 เดือนที่ไทยลีก หยุดพักไปนั้น “โค้ชแบน” ได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าสุดๆ ไม่ว่าจะเรื่องของแผนการทำทีม วิธีการเล่น ระบบการเล่น และมีการนัดอุ่นเครื่องกับทีมระดับต่างๆ เพื่อเช็คว่า สิ่งที่ใส่เข้าไปในตัวนักเตะนั้น มีมากพอ และดีพอหรือยัง ก่อนที่ทุกอย่างจะเข้ารูปเข้ารอยอย่างฟอร์มที่ออกมา

แพสชั่นจัดเต็มกลับมาแล้ว

ถ้าจะถามว่า ทีมที่เล่นด้วยแพสชั่น ความมุ่งมั่น ความกระหายมากที่สุดในสายตาของแฟนบอลคือทีมไหน เชื่อว่า หนึ่งในทีมที่แฟนบอลจะตอบมากที่สุด ก็คือ “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” โดยเฉพาะในยุครุ่งเรืองของ มาโน่ โพลกิ้ง ที่จัดหนักจัดเต็ม ไม่มีหยุดพัก ไม่มีผ่อนเกม

แต่หลังจากที่ฟอร์มตก จนมีการเปลี่ยนแปลงเฮ้ดโค้ช และช่วงแรกในยุคของ “โค้ชแบน” ก็ต้องยอมรับว่า แพสชั่นระห่ำแตกของพลพรรคแข้งเทพ ไม่มีเหมือนเดิม ความดุดันขาดหายไป

จนกระทั่ง เมื่อไทยลีกถูกเว้นว่าง 1 เดือน “โค้ชแบน” ก็ได้ทำการ “ปลุกความเป็นแข้งเทพในตัวนักเตะออกมาอีกครั้งได้” พร้อมกับได้พูดหลังเกมที่ชนะ ราชบุรี ว่า ตอนนี้พวกเขาไม่เพียงแค่ต้องการเล่นในฟอร์มที่ดี แต่คาดหวังถึงการคว้าชัยชนะให้ได้ในทุกๆ เกม เพื่อส่งให้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กลับคืนสู่พื้นที่ระดับสูงอย่างที่ควรจะเป็นให้ได้

การให้สัมภาษณ์เช่นนี้ นับเป็นการตอกย้ำว่า เขาได้พยายามดึงดีเอ็นเอ ความกระหายที่จะเป็นผู้ชนะในทุกๆ เกมที่แข้งเทพเคยมี กลับมาสู่ทีมได้แล้ว

วิธีการเล่นเป็นตัวของตัวเอง

อันที่จริงแล้ว “โค้ชแบน” ถือเป็นเฮ้ดโค้ชที่เน้นเกมรับเป็นหลัก เพื่อความชัวร์ ก่อนจะขึ้นเกมจากแนวรับ แต่หลังจากที่เขาเข้ามาแรกๆ และเลือกเล่นในแบบที่ตัวเองถนัดเป็นที่ตั้ง กลับกลายเป็นว่า ลูกทีมกลับทำผลงานได้ไม่ดี

“โค้ชแบน” จึงปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นเป็นเน้นเกมบุก เพื่อให้ลูกทีมของเขา ได้ลงสนามแบบเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด เพราะ บียู นับเป็นทีมที่บุกแหลกอยู่แล้ว

สามเกมหลังในศึกไทยลีก “บียู” จึงมีโอกาสทำประตูมากกว่าทีมที่ยิงเยอะในลีกทั้ง สมุทรปราการ ซิตี้, สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี

โดยเกมกับ “เขี้ยวสมุทร” พวกเขามีโอกาสยิงถึง 16 ครั้ง เข้ากรอบจำนวน 7 ครั้ง ในขณะที่ สมุทรปราการ มีโอกาสยิงทั้งหมด 13 ครั้ง และเข้ากรอบ 4 ครั้ง

ส่วนเกมกับ สิงห์ เชียงราย ที่ไปเยือน ยูไนเต็ด สเตเดี้ยม ทางด้าน บียู มีโอกาสยิง 14 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง ส่วน “กว่างโซ้งมหาภัย” มีโอกาสยิง 9 ครั้ง และเข้ากรอบเพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น

ขณะที่เกมล่าสุด กับ “ราชันมังกร” ทางด้าน แบงค็อก มีโอกาสทั้งหมด 16 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง ส่วน ราชบุรี มีโอกาส 11 ครั้ง เข้ากรอบแค่ 3 ครั้งเท่านั้น

รวมแล้วสามนัดหลังในลีก “บียู” มีโอกาสทั้งหมด 46 ครั้งเลยทีเดียว และเข้ากรอบถึง 21 ครั้ง ส่วนคู่แข่งมีโอกาสรวมกันแค่ 33 ครั้ง และเข้ากรอบแค่ 11 ครั้งเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงภายในทีมน้อย

แม้จะเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ แต่ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทำมากมายเลย ในช่วงตลาดนักเตะรอบที่สามของไทยลีก 2020-21 โดย “แข้งเทพ” มีการเปลี่ยนแปลงตัวหลักๆ แค่คนเดียว นั่นคือ การดึงตัว เฮแบร์ตี้ เฟร์นานเดส กองหน้าระดับพระกาฬของลีกเข้ามาร่วมทีม

ขณะที่ตัวหลักในตำแหน่งอื่นๆ ยังอยู่กับครบ ไม่ย้ายออก และไม่มีการดึงใครเข้ามาแทนที่ใคร ฉะนั้น “สมดุล” ของทีม แบงค็อก ค่อนข้างสูงมากๆ

พวกเขาเลือกที่จะปลุกความกระหายในนักเตะชุดเดิมให้กลับคืนมา
และเชื่อมั่นในศักยภาพของนักเตะทุกคน ที่ต่างก็มีดีกรีสูงระดับทีมชาติกันทั้งนั้น

เมื่อการเปลี่ยนแปลงน้อย ก็ทำให้สปิริตภายในทีมสูง ความเชื่อมั่น ความเชื่อใจสูง เหลือเพียงเค้นฟอร์มเก่าให้กลับมาได้ก็พอ ซึ่งดูเหมือนว่า “ความคิดนี้” จะเป็นความคิดที่ถูกต้องจริงๆ ที่ไม่เปลี่ยนแปลงทีมมากมาย แต่ได้รับผลลัพธ์ที่มากเพียงพออย่างที่ใจต้องการ

 

 

4 เหตุผล ที่ส่งให้ “แข้งเทพ” คัมแบ็คคืนฟอร์มแกร่ง

 

แทงบอลออนไลน์ คลิก!!
สมัครเว็บคาสิโนออนไลน์