เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โชว์สกิลเกมรุกอันดุดันบุกไปไล่ยำใส่ สิงห์บลูส์ เละเทะคาบ้าน 3-1
บิ๊กแมตช์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วีก 17 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา ระหว่าง เชลซี อันดับ 6 เปิดรังรับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 8
แค่ 4 นาทีแรก แซ็ค สเตฟเฟ่น นายด่านของเรือใบสีฟ้าที่เล่นในลีกนัดแรกก็ทำเสียวเสียแล้ว เมื่อรับบอลจากจังหวะที่ โรดรี้ ส่งคืนหลังในกรอบ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะแบ็คพาสทำให้ต้องเสียฟรีคิก 2 จังหวะบนเส้น 18 หลา ทว่า ฮาคิม ซิเย็ค ดันซัดไปติดบล็อคออกหลัง
นาที 16 โอกาสได้ลุ้นครั้งแรกของ แมนฯซิตี้ เกือบได้ประตูขึ้นนำหลัง ชูเอา กันเซโล่ แทงทะลุช่องให้ เควิน เดอ บรอยน์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปซัดด้วยขวาบอลพุ่งถากเสาไกลออกไปอย่างน่าเสียดาย
กระนั้นอีกสองนาทีถัดมา “เรือใบสีฟ้า” ได้ประตูนำ 1-0 ทันที จากความยอดเยี่ยมของ อิลคาย กุนโดกัน ที่รับบอลจาก ฟิล โฟเด้น ก่อนพลิกหนี ติอาโก้ ซิลวา แล้วซัดด้วยขวาติดปลายมือ เมนดี้ เบียดเสาเข้าไปอย่างสวยงาม
เท่านั้นยังไม่พอทีมเยือนมานำห่างเป็น 2-0 อย่างรวดเร็วจากความผิดพลาดของแนวรับเจ้าถิ่นที่เคลียร์กันไม่ดี เควิน เดอ บรอยน์ ได้บอลแล้วปาดมาเสาแรกให้ ฟิล โฟเด้น ตวัดยิงด้วยซ้ายไม่จับเบียดเสาแรกเข้าไป
นาที 35 ลูกทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ต้องมาสังเวยประตูที่สาม จากจังหวะที่ “สิงห์บลูส์” ได้ลุ้นฟรีคิกหน้ากรอบของซิตี้ ก่อนจะโดนลูกสวนกลับเร็วหลัง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ โขกหนุนไปติดหัวของเควิน เดอ บรอยน์ บอลลอยโด่งไปเข้าทาง ราฮีมสเตอร์ลิง ควบจากแดนตัวเองเข้าไปดวลเดี่ยวกับ เอดูอาร์ เมนดี้ ก่อนจะล็อกหนีแล้วหาจังหวะปั่นด้วยขวาบอลพุ่งไปชนเสาก่อนจะกระดอนมาเข้าทางของ เดอ บรอยน์ ตามมาซ้ำเข้าไปไม่เหลือให้ แมนฯซิตี้ บุกมานำขาด 3-0
เกมรุกของ “ซิตี้” เหนือกว่าอย่างชัดเจนตอบโต้มาทีได้ลุ้นทุกครั้ง และหนนี้เกือบได้ประตูอีกหลัง ราฮีม สเตอร์ลิง พาบอลขึ้นมาแล้วไหลให้ เควิน เดอ บรอยน์ ปาดเลียดมาหน้าประตูให้ อิลคาย กุนโดกัน ไขว้ยิงด้วยซ้ายหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย
จบครึ่งแรก เชลซี ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-3
ก่อนนาที 49 จะได้ลุ้นอีกหลัง ฟิล โฟเด้น จ่ายให้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ซัดด้วยซ้ายนอกกรอบแต่ยังเบาไปเข้ามือของ เมนดี้
นาที 54 เควิน เดอ บรอยน์ เปิดฟรีคิกจากด้านขวาของสนามไปเสาไกลให้ โรดรี้ สอดเข้ามาโขกเน้นๆ บอลจะมุดใต้คานอยู่แล้วแต่โดน เมนดี้ ปัดปลายนิ้วออกไปได้
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง “เรือใบสีฟ้า” ครองเกมเหนือกว่าเจ้าถิ่นทุกอย่างทั้งโอกาสยิงถึง 15 ครั้งเข้ากรอบ 6 ส่วนเชลซีมีโอกาสแค่ 5 ครั้งและเข้ากรอบแค่หนเดียว
นาที 62 ราฮีม สเตอร์ลิง ผ่านบอลเข้ากลางให้ เควิน เดอ บรอยน์ ได้ลองปั่นนอกกรอบกว่า 23 หลา ทว่าบอลหลุดกรอบออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
นาที 64 เชลซี เปลี่ยนสองคนรวดส่ง คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย และบิลลี่ กิลมอร์ ลงแทน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และฮาคิม ซิเย็ค
นานๆ เจ้าบ้านจะหาโอกาสเข้าทำ นาที 81 ได้ลุ้นจากจังหวะ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ครอสบอลเข้าไปให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาขึ้นโขกแต่บอลหลุดกรอบออกไป
ช่วงทดเจ็บ นาที 90+2 เจ้าบ้านมาได้ประตูตีไข่แตกไล่มา 1-3 จากจังหวะครอสบอลเข้ามาของ ไค ฮาแวร์ตซ์ บอลผ่านมาเสาไกลถึง คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ตามมาล้มตัวยิงเข้าไป
จบเกม เชลซี แพ้เละคาบ้านให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 ส่งผลให้ “เรือใบสีฟ้า” บุกมาคว้าสามแต้มมีเพิ่มเป็น 29 คะแนนเท่ากับ เอฟเวอร์ตัน และสเปอร์ส แต่ลูกได้เสียเป็นรองทัพไก่เดือยทอง ทำให้รั้งอันดับ 5 แต่แข่งน้อยกว่า ส่วน “สิงห์บลูส์” แพ้เป็นเกมที่ 5 แถมแพ้เป็นนัดที่ 4 ในรอบ 6 เกมล่าสุดทำให้ยังรั้งอันดับ 8 มี 26 คะแนนเท่าเดิม
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี (4-3-3) : เอดูอาร์ เมนดี้ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, เคิร์ต ซูม่า, ติอาโก้ ซิลวา, เบน ชิลเวลล์ – เมสัน เมาน์ต, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (บิลลี่ กิลมอร์ น.64), มัตเตโอ โควาซิช (ไค ฮาแวร์ตซ์ น.77) – ฮาคิม ซิเย็ค (คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย น.64), ติโม แวร์เนอร์, คริสเตียน พูลิซิช
ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด
แมนฯซิตี้ (4-2-3-1) : แซ็ค สเตฟเฟ่น – ชูเอา กันเซโล่, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ – โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน (แฟร์นันดินโญ่ น.75) – แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์ (เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” น.86), ฟิล โฟเด้น (ริยาด มาห์เรซ น.86) – ราฮีม สเตอร์ลิง
ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โชว์สกิลเกมรุกอันดุดันบุกไปไล่ยำใส่ สิงห์บลูส์ เละเทะคาบ้าน 3-1